การใช้งานโปรแกรม MAX+PLUSE
II เบื้องต้น (1)
MAX+PLUSE II เป็นโปรแกรมซึ่งถูกสร้างและพัฒนาขึ้นโดยบริษัท ALTERA
เพื่อใช้สำหรับออกแบบ สังเคราะห์วงจรทางดิจิตอลและโปรแกรมวงจรลอจิกที่สร้างขึ้นลงในชิพ
FPGA ในการออกแบบวงจรด้วย โปรแกรม MAX+PLUSE II สามารถทำได้หลายลักษณะ
เช่น
- ใช้การกำหนดรูปแบบ Waveform ทางอินพุทและเอาท์พุทของวงจรที่ต้องการ
- วาดวงจรโดยการนำเกทหรือสัญลักษณ์ต่างๆ มาเชื่อมต่อกัน
- ใช้ภาษาอธิบายพฤติกรรมของวงจรที่ต้องการ เช่น VHDL, AHDL และ
Verilog เป็นต้น

รูปที่ 4.1 ขั้นตอนการออกแบบ
ในการออกแบบวงจรด้วยโปรแกรม MAX+PLUSE II สามารถทำได้ดังรูปที่
4.10 ซึ่งในส่วนนี้จะอธิบาย ตั้งแต่ขั้นตอนการออกแบบวงจร, การตรวจสอบความถูกต้องในการต่อวงจร,
การคอมไพล์ - สังเคราะห์วงจร, การจำลองการทำงานของวงจรที่ออกแบบมา,
การโปรแกรมวงจรลงในชิพและตรวจสอบการทำงานจริง
การออกแบบวงจร (Design
Entry)
1. เรียกโปรแกรม MAX+PLUSE II จาก Start Menu

รูปที่ 4.2 การเรียกโปรแกรม MAX+PLUSE II

รูปที่ 4.3 โปรแกรม MAX+PLUSE II
2. ทำการสร้างโปรเจ็คสำหรับวงจรที่ต้องการออกแบบโดยเริ่มจากการตั้งชื่อของโปรเจ็คที่เมนู
File / Project / Name สำหรับตัวอย่างนี้ให้ตั้งชื่อโปรเจ็คเป็น
First

รูปที่ 4.4 การเลือกเมนูเพื่อสร้างโปรเจ็ค

รูปที่ 4.5 การตั้งชื่อโปรเจ็ค
3. เลือกประเภทของไฟล์ที่จะสร้างจากเมนู File / New / Graphic Editor
File จากนั้นจะมีไดอะล็อก ให้เลือกประเภทของไฟล์ที่ต้องการสร้างขึ้นมา

รูปที่ 4.6 การเลือกเมนูเพื่อสร้างไฟล์

รูปที่ 4.7 การเลือกชนิดของไฟล์ที่จะสร้าง
ไฟล์แต่ละชนิดจะมีความหมายดังต่อไปนี้
Graphic Editor File : เป็นไฟล์กราฟิกที่เราสามารถนำอุปกรณ์ต่างๆ
ใน Library มาวางต่อกันเป็นวงจร ได้เลย
Symbol Editor File : เป็นไฟล์ที่ใช้เก็บสัญลักษณ์เพื่อสื่อให้ทราบว่าโมเดลที่เราได้สร้างขึ้นมีอินพุท
และเอาท์พุทเป็นอย่างไร
Text Editor File : เป็น Text
file ใช้สำหรับเขียน Source code เพื่ออธิบาย พฤติกรรมของวงจรหรือโมเดลต่างๆ
ที่เราจะสร้างหรือเพื่อใช้สำหรับเก็บข้อความทั่วๆไป
Waveform Editor File : เป็นไฟล์
Waveform ที่มีไว้สำหรับอธิบายลักษณะ Waveform ของวงจรที่เราต้องการ
ซึ่งถ้ามีการกำหนด Waveform ทั้งทางอินพุทและเอาท์พุทก็จะใช้นามสกุลของไฟล์เป็น
wdf (Waveform Design File) แต่ถ้าใช้ในการกำหนดรูปแบบของสัญญาณอินพุท
เพื่อให้โปรแกรม MAX+PLUSE II จำลองการทำงานและบันทึกผลที่ได้จะใช้ไฟล์ที่มีนามสกุลเป็น
scf (Simulate Channel File)
|